Welcome to blogfinance_cr

ยินดีต้อนรับ สู่บล็อค ของฝ่ายอำนวยการ(การเงิน) ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย มีข้อมูลแลกเปลี่ยน ความคิดเห็น ซึ่งกันและกันนะคะ

วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553

โครงการ ๑ ในล้านความดี ตำรวจเชียงราย เทิดไท้องค์ราชัน


โครงการ ๑ในล้านความดี ตำรวจเชียงราย เทิดไท้องค์ราชัน 
จัดทำโดย ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ร่วมกับ พระอาจารย์ เอกชัย สิริญาโณ เจ้าอาวาสวัดใหม่ศรีร่มเย็น ตำบล ห้วยซ้อ อำเภอ เชียงของ จังหวัดเชียงราย และคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจเชียงราย และ คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจสถานีตำรวจ ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย

โดยมี วัตถุประสงค์
๑.เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ โอกาสสำคัญวันพ่อแห่งชาติ วันที่ 5 ธันวาคม 2553
๒.เพื่อแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช มหาราช ที่ทรงตรากตรำมุ่งมั่นในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจอันเป็นคุณประโยชน์แก่พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ
๓.เป็นการส่งเสริมและร่วมใจกันทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ก่อให้เกิดความสามัคคีสมานฉันท์ในหมู่ปวงชนชาวไทย
๔.เพื่อเสริมสร้างจิตสำนึกให้ข้าราชการตำรวจและประชาชนจังหวัดเชียงราย ในเรื่องการรักษาและดำรงไว้ซึ่งสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
๕.เพื่อนำสังคมไปสู่การพัฒนาในสิ่งที่ดีขึ้น สามารถลดอาชญากรรมและลดละเลิกการกระทำที่ทำให้สังคมเดือดร้อน

มีการดำเนินกิจกรรมที่กำหนดให้บรรลุเป้าหมาย ภายใต้ กระบวนการ 4 ขั้นตอน ดังนี้
๑.ขั้นตอนตำรวจประพฤติดี โดยการจัดอบรมคุณธรรมจริยธรรมและพัฒนาจิตใจให้กับข้าราชการตำรวจในสังกัด ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย โดยการบรรยายธรรม, การนั่งสมาธิวิปัสสนา รุ่นละ 3 วัน ณ วัดใหม่ศรีร่มเย็น ตำบลห้วยซ้อ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย (ปฎิบัติไปแล้วจำนวน 4 รุ่น)
๒.ขั้นตอนสังคมดี โดยการประชาสัมพันธ์และเชิญชวนให้ข้าราชการตำรวจและประชาชนชาวเชียงรายถวายคำสัตย์ปฏิญาณในการกระทำความดีเพื่อในหลวง อันเป็นการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงทุ่มเทพระวรกายปฏิบัติพระราชกรณียกิจในด้านต่าง ๆเพื่อประโยชน์สุขแก่มหาชนชาวสยาม
๓.ขั้นเชิดชูคนดี โดยการคัดเลือกข้อความบันทึกการถวายคำสัตย์ปฏิญาณในการกระทำความดีเพื่อในหลวงของข้าราชการตำรวจและประชาชน ที่เห็นว่าเป็นตัวอย่างในการสร้างสรรค์สังคมให้เกิดความสงบสุขต่อส่วนรวม

๔.ขั้นตอนส่งความดี โดยการรวบรวมบันทึกการถวายคำสัตย์ปฏิญาณในการกระทำความดีเพื่อในหลวงของข้าราชการตำรวจและประชาชน ให้ได้จำนวน 100,000 ฉบับ เพื่อทูลเกล้าถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลเดช มหาราช ในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 5 ธันวาคม 2553

ผลที่คาดว่าจะได้รับ
๑.เป็นการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความจงรักภักดี และถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
๒.สร้างเสริมให้ประชาชนทำความดีเพื่อประโยชน์สุขของสังคม และรักษาเทิดทูลต่อสถานบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติไทย
๓.เสริมสร้างความสามัคคี สมานฉันท์ในหมู่คนไทย และมีจิตสำนึกรักชาติจรรโลงในการรักษาสัตย์ในการทำความดีเพื่อสังคม
๔.เป็นการพัฒนาสังคมไปสู่ในสิ่งที่ดีขึ้นส่งผลให้สังคมสงบสุขร่มเย็นอย่างยั่งยืน

บันทึกการถวายคำสัตย์ปฏิญาณในการทำความดี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหาราช

ในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา ในปีพุทธศักราช 2553

******************************

ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม

ข้าพระพุทธเจ้า(นาย / นาง/นางสาว ) ............................................................................................

อยู่บ้านเลขที่.........................................หมู่ที่....................ตำบล..........................

อำเภอ................................จังหวัด...................................................

ขอตั้งสัจจะปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้า..........................................................................................

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลเดช มหาราช

ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อม ขอเดชะ

(ลงชื่อ) ข้าพระพุทธเจ้า...................................................................


                                     (.............................................................)

วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงรายเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 เพื่อบริการประชาชนในพื้นที่แล้ว

ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย พร้อมที่จะเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ในวันที่ 5 ส.ค.2553 เพื่อให้บริการประชาชน และเพื่อประโยชน์ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทางอาญา การรักษาความสงบเรียบร้อย  และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในจังหวัดเชียงราย
โดยได้ดำเนินการติดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ตามโครงการ ณ อาคารยูนิวานกรุ๊ป ชั้นที่ 3 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ห้องปฎิบัติการมีขนาดประมาณ 30 ตารางเมตร ภายใต้การอำนวยการและความห่วงใยของ พล.ต.ต. ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย ซึ่งเป็น ผอ.ศูนย์ และ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย (มก.) ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ เป็นรอง ผอ.ศูนย์ เปิดใช้บริการ จำนวน 3 คู่สาย และ ได้กำหนดให้ สว. ฝอ.(การข่าวและเทคโนโลยี ) เป็น หน.เจ้าหน้าที่ พร้อมมอบหมายให้ รอง สวป. สภ.เมืองเชียงราย ซึ่งมี จำนวน 6 นาย ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน มาปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรประจำศูนย์ และกำหนดให้ แต่ละ สภ.ในสังกัด จำนวน 24 สภ.พิจารณาจัดข้าราชการตำรวจ ผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ และการพิมพ์ ระดับชั้นประทวนในสังกัด สภ.ละ 1 นาย เดินทางมาปฎิบัติหน้าที่ประจำศูนย์ รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191

(ขอบคุณ งานข่าวและเทคโนโลยี ภ.จว.เชียงราย ที่สนับสนุนข้อมูล)

วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553

โครงการปฏิบัติธรรม สติรู้ตัว ปัญญารู้คิด พัฒนาจิตข้าราชการตำรวจ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ครั้งที่ 4

โครงการปฏบัติธรรม
โครงการปฏิบัติธรรม สติรู้ตัว ปัญญารู้คิด พัฒนาจิตข้าราชการตำรวจ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงรายเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ระหว่างวันที่ 26 – 28 สิงหาคม 2553 ณ วัดใหม่ศรีร่มเย็น ต.ห้วยซ้อ อ.เชียงของ จ.เชียงราย

เป็นโครงการดีที่มีประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการของข้าราชการตำรวจ ในด้านคุณธรรมและจริยธรรม ตามแผนตรวจราชการ จเรตำรวจ ตามนโยบาย ตร. ด้านการพัฒนาตำรวจและครอบครัว กิจกรรมที่ 3 การพัฒนาจิตใจ ตัวชี้วัดที่ 3.3 มีการจัดกิจกรรมด้านการพัฒนาจิตใจให้กับข้าราชการตำรวจทุกระดับ ภ.จว.เชียงราย ได้ดำเนินการจัดทำโครงการปฏิบัติธรรมพัฒนาจิตข้าราชการตำรวจในสังกัด โดยกำหนดให้มีการอบรม จำนวน 3 รุ่น รุ่นที่ 1 เป็นระดับชั้นประทวน รุ่นที่ 2เป็นระดับชั้นสัญญาบัตร รุ่นที่ 3 เป็นชุดมวลชนสัมพันธ์ ตำรวจในสังกัด ภ.จว.เชียงราย และ รุ่นที่ 4  ระดับ รอง ผกก.ป.ฯ , รอง ผกก.สส.ฯ , สวป.ฯ , สว.สส.ฯ, พงส.ฯ และ สว.อก.ฯ ที่ยังไม่เคยเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรม ในครั้งที่ผ่านมา

วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

คิดถึงคุณแม่

ท้อได้ แต่ไม่ถอย สู้ ๆ
คิดถึงคุณแม่  อยากจะบอกแม่ว่า  รักคุณแม่ทุกๆๆวัน ไม่มีวันจาง ในเดือนนี้เป็นเดือนพิเศษที่ทำให้คิดถึงคุณแม่ 
ถึงแม้ว่าวันนี้ จะไม่มีแม่อยู่ใกล้ แต่ในใจยังมีแม่อยู่มิเสื่อมคลาย
แม่คือ ผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตลูก ยิ่งใหญ่กว่าคำว่าแม่คือผู้ให้กำเนิดลูก  สุดจะหาคำบรรยายได้
แม่จ๋า ลูกคิดถึง  แม่จ๋า ลูกคิดถึง  แม่จ๋า ลูกคิดถึง  แม่จ๋า ลูกคิดถึง  แม่จ๋า ลูกคิดถึง

อุ่นใดๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม
อุ่นอกอ้อมแขนอ้อมกอดแม่ตระกอง
รักเจ้าจึงปลูก รักลูกแม่ย่อมห่วงใย
ไม่อยากจากไปไกล แม้เพียงครึ่งวัน
ให้กายเราใกล้กัน ให้ดวงตาใกล้ตา
ให้ดวงใจเราสองเชื่อมโยงผูกพัน

อิ่มใดๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม
อิ่มอกอิ่มใจ อิ่มรักลูกหลับนอน
น้ำนมจากอก อาหารของความอาทร
แม่พร่ำเตือนพร่ำสอน สอนสั่ง
ให้เจ้าเป็นเด็กดี ให้เจ้ามีพลัง
ให้เจ้าเป็นความหวังของแม่ต่อไป

ใช่เพียงอิ่มท้อง
ที่ลูกร่ำร้องเพราะต้องการไออุ่น
อุ่นไอรัก อุ่นละมุน
ขอน้ำนมอุ่นจากอกให้ลูกดื่มกิน

สวัสดิการที่เป็นตัวเงิน-ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในราชอาณาจักร

ทราบหรือไม่ว่าการเดินทางไปราชการในราชอาณาจักร สามารถเบิกเงินของทางราชการได้อะไรบ้าง?


การเดินทางไปราชการมีอยู่ 2  ประเภท คือ 1. การเดินทางไปราชการชั่วคราว ได้แก่การเดินทางไปปฏิบัติราชการชั่วคราวนอกที่ตั้งสำนักงานซึ่งเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา หรือการไปสอบคัดเลือกหรือรับการคัดเลือกตามที่ได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชา  การไปช่วยราชการ ไปรักษาการในตำแหน่งหรือการไปรักษาราชการแทน เป็นต้น 
ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการชั่วคราว ที่เราจะสามารถขอเบิกจากทางราชการได้ คือ
1. ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง
2. ค่าเช่าที่พัก
3. ค่าพาหนะ
4. ค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็น

ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง
ข้าราชการที่เดินทางไปราชการจะมีสิทธิเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางในลักษณะเหมาจ่าย ดังนี้
1. ข้าราชการตำรวจซึ่งมียศตั้งแต่ พล.ต.ต. - จ.ส.ต.  เดินทางไปในพื้นที่ประเภท ก  ได้อัตรา 120 บาทต่อวัน พื้นที่ประเภท ข ได้อัตราวันละ 108 บาทต่อวัน
2. ข้าราชการตำรวจซึ่งมียศ ด.ต.- พ.ต.อ.  เดินทางไปในพื้นที่ประเภท ก ได้อัตรา 180 บาทต่อวัน พื้นที่ประเภท ข ได้อัตราวันละ 126 บาทต่อวัน
3. ข้าราชการตำรวจซึ่งมียศ พ.ต.อ.(อัตราเงินเดือน พ.ต.อ.พิเศษ) ขึ้นได้อัตรา 240 บาทต่อวัน พื้นที่ประเภท ข ได้อัตราวันละ 144บาทต่อวัน

ค่าเช่าที่พัก
หากข้าราชมีความจำเป็นต้องพักค้างแรม เว้นแต่การพักแรมซึ่งโดยปกติต้องพักแรมในยานพาหนะ หรือพักแรมในที่พักแรมซึ่งทางราชการจัดที่พักไว้ให้แล้ว ค่าที่พักให้เบิกได้ดังนี้
1. ข้าราชการตำรวจที่มียศ พ.ต.อ.ลงมา เหมาจ่ายไม่เกิน 1,000.-บาทต่อวัน
2. ข้าราชการตำรวจซึ่งมียศ พ.ต.อ.อัตราเงินเดือนพันเอกพิเศษ เหมาจ่ายไม่เกิน 1,600.-บาทต่อวัน
3. ข้าราชการตำรวจซึ่งมีศ พล.ต.ต. ขึ้นไป เบิกได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 2,500.-บาทต่อวัน

ค่าพาหนะ
1. การเดินทางไปราชการ โดยปกติให้ใช้ยานพาหนะประจำทางและให้เบิกค่าพาหนะได้โดยประหยัด ในกรณีที่ไม่มียานพาหนะประจำทาง หรือมีแต่ต้องการความรวดเร็วเพื่อประโยชน์แก่ราชการ ให้ใช้พาหนะอื่นได้ แต่ผู้เดินทางไปราชการจะต้องชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นไว้ในหลักฐานการเบิกค่าพาหนะนั้น
2. ข้าราชการตำรวจซึ่งมียศแต่ พ.ต.ท.ขึ้นไป ให้เบิกค่าพาหนะรับจ้างได้ ตามอัตราและหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด
3. การเดินทางโดยเครื่องบิน ให้ข้าราชการตำรวจซึ่งมียศแต่ พ.ต.ท.ขึ้นไปเดินทางไปราชการโดยเครื่องบินได้ กรณีอื่น เดินทางได้เฉพาะกรณีที่จำเป็นเร่งด่วนเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการ
4. การใช้ยานพาหนะส่วนตัวไปราชการ จะต้องได้รับอนุญาต จากหัวหน้าส่วนราชการ จึงจะมีสิทธิเบิกเงินชดเชยเป็นค่าพาหนะในลักษณะเหมาจ่ายได้ดังนี้ รถยนต์ อัตราชดเชยกิโลเมตรละ  4 บาท รถจักรยานยนต์ อัตราชดเชยกิโลเมตรละ 2 บาท


**เป็นสิทธิที่ข้าราชการตำรวจที่เดินทางไปราชการตามอนุมัติของผู้บังคับบัญชา ที่จะได้รับเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ**
ติดตาม การเดินทางไปราชการ ประเภทที่ 2 คือการเดินทางไปราชการประจำ จะสามารถเบิกเงินจากทางราชการได้หรือไม่ เพียงใด และอย่างไรได้ ตอนต่อไป /////  ขอบคุณค่ะ //// 
พ.ต.ท.หญิงบุศริน จำรูญรัตน์  สว.ฝอ.ภ.จว.เชียงราย